ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ท่ามกลางรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ อาทิ จีน และสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ +2.6% จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 และ 2/65 GDP สหรัฐฯ หดตัวที่ -1.6% และ -0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามลำดับ ซึ่งทางเทคนิคถือว่าเข้าสู่ภาวะถดถอย
ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มอ่อนตัวลง โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 92-97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. 65 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ จากความกังวลการแพร่ระบาด COVID-19 ในจีนระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลจีนเพิ่มมาตรการควบคุม COVID-19 ในหลายเมือง อาทิ Guangzhou, Wuhan และ Xining หลังรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ ณ วันที่ 28 ต.ค. 65 อยู่ที่ 1,658 ราย เพิ่มขึ้นจาก 1,506 ราย ในวันก่อนหน้า และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลกปิดตลาดวันที่ 28 ต.ค. 65 เพิ่มขึ้น 0.16 จุด อยู่ที่ 110.75 จุด เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ในวันที่ 1-2 พ.ย. 65
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Reuters รายงานว่า อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 65 ลดลง 5.6% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 3.91 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
- วันที่ 27 ต.ค. 65 ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate อยู่ที่ 1.5%, อัตราดอกเบี้ย Refinancing Operations Rate อยู่ที่ 2.0% และอัตราดอกเบี้ย Marginal Lending Facility Rate อยู่ที่ 2.25% และประธาน ECB นาง Christine Lagarde กล่าวเสริมว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติอาหารและพลังงานเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มชะลอตัว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของรัสเซีย (Rosstat) รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท ในเดือน ก.ย. 65 เพิ่มขึ้น 0.16 แสนบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 10.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ รัสเซียผลิตคอนเดนเสทประมาณ 7-8 แสนบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ +3.9% จากปีก่อนหน้า สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ +0.4% จากปีก่อนหน้า
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ลดลง 2 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 610 แท่น