ปตท.ควักหมื่นล้าน ช่วย 4 กลุ่มลูกค้า ลดผลกระทบก๊าซฯ แพง

536
N2032
- Advertisment-

ปตท. จัดงบกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ช่วยลูกค้าก๊าซฯ 4 กลุ่ม ทั้ง NGV โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ผลิตไฟฟ้า  SPP และหาบเร่แผงลอยที่ใช้ LPG หวังบรรเทาผลกระทบราคาก๊าซแพง พร้อมปรับโฉม ปั๊ม NGV ให้รองรับลูกค้ากลุ่มรถ EV ได้มากขึ้น

นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท.ได้วางแนวทางการช่วยเหลือลูกค้าก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ที่ได้รับผลกระทบหลายภาคส่วนจากราคาคาพลังงานที่ผันผวนสูง โดยจะให้การช่วยเหลือจำนวน 4 กลุ่ม เป็นงบประมาณสนับสนุนกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1. กลุ่มผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในส่วนของภาคการขนส่ง โดยสำหรับผู้ใช้รถทั่วไป ปตท.ได้ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และสำหรับรถ TAXI ที่เข้าร่วมโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน ปตท.ได้ตรึงราคา อยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม นับตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 ถึง 15 มิ.ย. 2565 คาดว่า มาตรการนี้จะต้องใช้งบประมาณอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ใช้งบประมาณไปแล้ว 3,400 ล้านบาท

2.กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าหลายโรงงานกำลังจะสิ้นสุดสัญญาซื้อก๊าซฯเดิมลง และจะต้องเผชิญกับต้นทุนราคาก๊าซฯที่แพงขึ้น ทั้งจากการจัดซื้อในสัญญาใหม่ หรือ การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เข้ามา ทาง ปตท.จึงเพิ่มทางเลือกการใช้พลังงานให้กับลูกค้า ทั้งการพยายามคงราคาเดิมออกไประยะหนึ่งก่อน ตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 เป็นต้นมา เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวรับกับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น และยังอยู่ระหว่างเพิ่มทางเลือกในการจำหน่ายก๊าซฯ เพิ่มเติมให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการชะลอปรับขึ้นราคาก๊าซฯ ตามต้นทุนที่แท้จริงนั้น ทำให้ปตท.มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อยู่ที่ 6,857 ล้านบาท

- Advertisment -

3.กลุ่มลูกค้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก( SPP)  ในส่วนนี้จะมีทั้งลูกค้า SPP ที่ขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อย และที่ขายไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนนี้ไม่สามารถสะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ ทาง ปตท.จึงวางแนวทางการช่วยเหลือลูกค้า SPP สำหรับค่าก๊าซฯที่ใช้ในอุตสาหกรรม จากส่วนลดการส่งเสริมการขายเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ อยู่ที่ 300 ล้านบาท

และ 4. กลุ่มผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG) โดย ปตท.ยังช่วยเหลือส่วนลดค่าก๊าซ LPG แก่กลุ่มร้านค้า หาบเร่แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2562 ถึง 30 มิ.ย. 2565 คาดว่า จะใช้งบประมาณ อยู่ที่ 18 ล้านบาท

“เมื่อสิ้นสุดมาตรการลงในเดือน มิ.ย. นี้ ทางปตท.จะช่วยเหลือต่อหรือไม่นั้น ยังต้องหารือกับหลายภาคส่วน เพราะมาตรการส่วนใหญ่ก็เป็นการช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐ ซึ่งตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์พลังงานในขณะนั้น แต่โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือ กลไกราคาควรจะสะท้อนต้นทุน และการช่วยเหลือ ก็ควรเป็นเฉพาะกลุ่ม”

นายวุฒิกร กล่าวอีกว่า ปตท.ยังได้ปรับตัวรองรับกับโอกาสและความท้าทายของธุรกิจก๊าซธรรมชาติจากกระแสการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจ NGV จะเห็นว่า สถานีบริการ NGV ปตท. สาขากำแพงเพชร 2 ได้ปรับโฉมรูปแบบใหม่ เป็นสถานีนำร่องที่ให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ในสถานีบริการ NGV และปี 2565 นี้ จะขยายเพิ่มอีก 9 แห่ง ให้ครบ 10 แห่งในระยะแรก ซึ่งจากการเปิดให้บริการที่สถานีบริการ NGV ปตท. สาขากำแพงเพชร 2 พบว่า มีผู้สนใจนำรถ EV เข้ามาใช้บริการวันละ 50-60 คัน แสดงให้เห็นว่า EV Charging Station ได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้พลังงาน

Advertisment