บางจาก เสนอรัฐเร่งตัดสินใจลดประเภทน้ำมันลงให้เหลือไม่กี่ชนิด จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายน้ำมันมากถึง 9 ชนิด แบ่งเป็นกลุ่มเบนซิน 5 ชนิด และดีเซล 4 ชนิด หวังช่วยลดต้นทุนผู้ค้าน้ำมันและต้นทุนระบบโลจิสติกส์ ได้ พร้อมเตรียมงบลงทุน 800 ล้านบาท ขยายปั๊มเพิ่มอีก 60 แห่งในปี 2563 จากปัจจุบันมีทั้งหมด 1,200 แห่ง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอให้กระทรวงพลังงานเร่งตัดสินใจในการลดประเภทน้ำมันในไทยให้เร็วขึ้น จากที่ปัจจุบัน มีถึง 9 ชนิด แยกเป็นกลุ่มเบนซิน 5 ชนิด คือ เบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95, 91 , E20, E85 ส่วนกลุ่มดีเซลมี 4 ชนิด คือ B7,B10, B20 และดีเซลพรีเมียม ซึ่งแต่ละปั๊มมีหัวจ่ายไม่เท่ากัน โดยการเลือกจำหน่าย ประเภทน้ำมัน ต้องดูความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งการมีน้ำมันหลายประเภทมากเกินไปยังเป็นต้นทุนที่สูงสำหรับผู้ค้าน้ำมันทั้งระบบโลจิสติกส์และอื่นๆ
สำหรับการลงทุนในสถานีบริการน้ำมันนั้น ในปี 2563 บริษัทเตรียมเงินลงทุน 800 ล้านบาท เพื่อขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มอีก 60 แห่ง จากสิ้นปี 2562 จะมีจำนวนปั๊มอยู่ 1,200 แห่ง โดยเงินลงทุนดังกล่าวไม่รวมการปรับปรุงปั๊มน้ำมันและลงทุนถังเก็บน้ำมันรองรับน้ำมันดีเซลB10(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตร)
สำหรับการขยายปั๊มน้ำมันในต่างประเทศ ล่าสุดบางจากฯขยายสาขาที่ประเทศเมียนมาร์แล้ว 1 สาขา และเตรียมเปิดอีก 1 สาขาในช่วงต้นปี 2563 นอกจากนี้ก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายปั๊มน้ำมันใน สปป.ลาว และกัมพูชา อย่างไรก็ตามการขยายปั๊มน้ำมันบางจากยังคงเน้นขยายในประเทศ เนื่องจากยังมีโอกาสเติบโตได้อีก
นอกจากนี้ บางจากฯ จะลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นฯให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ภายในปี 2567 โดยจะลงทุนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงหน่วยกลั่นที่ 2 และ 3 ในขณะที่หน่วยกลั่นที่ 4 สามารถผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ได้อยู่แล้ว และปัจจุบันจำหน่ายเป็นดีเซลเกรดพรีเมี่ยมและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี