คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) สั่งชดเชยราคาดีเซลเพิ่มเป็น 4.93 บาทต่อลิตร เพื่อพยุงราคาจำหน่ายไว้ที่ 29.94 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับสูงขึ้น ส่วนกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ยังเรียกเก็บเงินผู้ใช้ส่งเข้ากองทุนฯ ต่อเนื่อง อุดปัญหาเงินไหลออกกว่า 6 พันล้านบาทต่อเดือน ด้านผู้ค้าน้ำมันยังคงกำหนดค่าการตลาดเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ระดับสูงถึง 3 บาทต่อลิตร ชดเชยค่าการตลาดดีเซลที่เหลือ 1 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันโลกทั้งเบรนท์และดูไบขยับขึ้นแตะ 90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลแล้ว
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566 มีมติให้นำเงินกองทุนฯ ไปชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 4.48 บาทต่อลิตร เป็น 4.93 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับสูงขึ้น ส่วนกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินยังคงเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ ตามเดิม
โดยน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์นั้น มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ แก๊สโซฮอล์ 91 ส่งเข้ากองทุนฯ จำนวน 2.80 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 จำนวน 0.81 บาทต่อลิตร, น้ำมันเบนซิน จำนวน 9.38 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียม จำนวน 1.50 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้การเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้า 141.22 ล้านบาทต่อวัน แต่มีเงินไหลออกจากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและแก๊สหุงต้ม (LPG) วันละ 364.66 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมเงินไหลออกจากกองทุนฯ 223.44 ล้านบาทต่อวัน หรือคิดเป็น 6,703 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับภาพรวมฐานะการเงินกองทุนฯ ล่าสุดที่รายงานโดย สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ณ วันที่ 8 ต.ค. 2566 พบว่ากองทุนฯ ยังคงติดลบอยู่ 68,327 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 23,322 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,005 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในวันที่ 17 ต.ค. 2566 ผู้ค้าน้ำมันได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ลง 30 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันจำหน่ายปลีกเปลี่ยนแปลงดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ราคาอยู่ที่ 37.85 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาอยู่ที่ 37.58 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ราคาอยู่ที่ 35.54 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ราคาอยู่ที่ 35.69 บาทต่อลิตร และน้ำมันเบนซิน ราคาอยู่ที่ 45.64 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซล ราคาอยู่ที่ 29.94 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้การปรับลดราคาน้ำมันดังกล่าว ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันที่รายงานโดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค. 2566 มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ โดยค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ปรับลดลงจากกว่า 4 บาทต่อลิตร เหลือประมาณกว่า 3 บาทต่อลิตร ซึ่งนับว่ายังอยู่ในระดับสูงกว่าปกติที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร
โดยค่าการตลาดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 3.54 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.74 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.68 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามเมื่อดูภาพรวมค่าการตลาดนับตั้งแต่ 1-17 ต.ค. 2566 พบว่า ผู้ค้าน้ำมันได้รับค่าการตลาดเฉลี่ย 2.68 บาทต่อลิตร
ด้านราคาน้ำมันโลกขยับสูงขึ้น ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค. 2566 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 90.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาเพิ่มขึ้น 2.75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 86.97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 90.11 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล