หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 16 – 20 ธ.ค. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 23 – 27 ธ.ค. 67 โดยชี้ว่าตลาดจับตากลุ่มประเทศ G7 พิจารณาลดเพดานราคาขายน้ำมันของรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve: Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่กลุ่มประเทศ G7 (แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ) กำลังพิจารณาลดเพดานราคาขายน้ำมันของรัสเซีย อนึ่ง ปัจจุบันเพดานราคาขายน้ำมันดิบของรัสเซียถูกจำกัดอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
การประชุมนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 17-18 ธ.ค. 67 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.25%-4.50% ทั้งนี้ ประธาน Fed นาย Jerome Powell กล่าวว่า Fed จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการจ้างงานและผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตต่อไป
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานว่าโรงกลั่นของจีนนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Crude Throughput) ในเดือน พ.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.5% อยู่ที่ 14.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงลดลง และนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 12.2% อยู่ที่ 11.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดในรอบ 15 เดือน
นาย Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บน Truth Social ว่าสหภาพยุโรป (EU) อาจเผชิญกับการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกของ EU เพิ่มเติม อาทิ รถยนต์และเครื่องจักร หากไม่นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/67 สหรัฐฯ ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และน้ำมันให้กับ EU เป็นสัดส่วนถึง 47% และ 17% ตามลำดับ โดยนาย Trump ยังมีแผนจะเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าทั่วโลกและ 60% กับสินค้าจีน