กระทรวงพลังงานดึงปตท.ร่วมนำร่องทดสอบ Blockchain ซื้อขายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (B100 ) โดยหากประสบผลสำเร็จ จะขยายผลความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการกดราคาผลผลิตปาล์มน้ำมัน และการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อกินกำไรส่วนต่างของราคา
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 พ.ค. 2563 นี้ กระทรวงพลังงานจะหารือกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เตรียมความพร้อมเข้าสู่การทดลองระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์หรือ Blockchain ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนามาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อจะนำมาดูแลการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบในอนาคต โดยการกำหนดราคาซื้อขายจะยึดที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เป็นตัวตั้ง และราคานี้จะสอดคล้องกับราคา B100 รวมถึงจะทำให้ราคาปาล์มทะลายที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้รับเป็นราคาที่มีเหตุผลมากขึ้น โดยกรมธุรกิจพลังงานจะเป็นผู้กำหนดราคาCPO ซึ่งพิจารณาจากราคาที่ทำให้กลไกตลาดเดินต่อไปได้
ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีการออกกฎหมายใดๆมาบังคับใช้ แต่จะใช้วิธีขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ซื้อน้ำมัน B100 จากผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ Blockchain เท่านั้น
สำหรับการหารือร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ( B100 ) ในวันนี้ (28 พ.ค.2563 ) กระทรวงพลังงาน มีเป้าหมายที่จะให้ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันและเกษตรชาวสวนปาล์มในประเทศทั้งหมด เข้าสู่ระบบBlockchain ภายในปี 2563 นี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการกดราคาผลผลิตปาล์มและป้องกันการลักลอบนำเข้า น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาจำหน่ายให้โรงงานB100 เพื่อกินกำไรส่วนต่างของราคา
โดยภายใน 2 สัปดาห์นี้ กระทรวงพลังงานจะเริ่มทดลองนำร่องโครงการซื้อขายปาล์มน้ำมันผ่านระบบ Blockchain ร่วมกับผู้ประกอบการโรงงาน B100 ,โรงสกัดน้ำมันปาล์ม ,ผู้ค้าน้ำมันและเกษตรกร ชาวสวนปาล์ม โดยจะคัดเลือกโรงงาน B100 ที่มีความพร้อมมาร่วมโครงการก่อน โดยเฉพาะโรงงาน B100 ที่มีโรงสกัดน้ำมันปาล์มเป็นของตัวเอง คาดว่าจะใช้เวลาทดสอบ 1 เดือน ก่อนขยายผลไปสู่ห่วงโซ่ปาล์มน้ำมันทั้งระบบให้เข้าสู่การใช้ Blockchain ต่อไป
นายศาณินทร์ ตริยานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย กล่าวว่า ปัจจุบันราคาผลปาล์มทะลายอยู่ที่ 3.90 – 4 บาท ต่อกิโลกรัม และน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)อยู่ที่ 22 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาผลปาล์มทะลายขยับขึ้นจากกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงต้นเดือนพ.ค. 2563 เนื่องจากเดือนพ.ค. 2563 ผลผลิตปาล์มที่ออกสู่ตลาดตามฤดูกาลเริ่มมีปริมาณลดลง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันของประชาชนปรับตัวสูงขึ้นหลังรัฐบาลประกาศคลายล็อคดาวน์
ส่วนการนำระบบBlockchain มาใช้ควบคุมการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบนั้น ทางผู้ประกอบการอยู่ระหว่างรอดูการทดสอบ Blockchain ของภาครัฐว่ามีความพร้อมมากแค่ไหนและข้อมูลที่ได้จะเป็นจริงเพียงใด เนื่องจากในต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่ของโลกก็ยังไม่มีการใช้ Blockchain ซื้อขายปาล์มน้ำมันแต่มีการเก็บข้อมูลระบบการซื้อขายทั้งระบบไว้แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการคงต้องรอดูการศึกษาครั้งนี้ก่อนจึงจะสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป