กบง.อัพเดทสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรับรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ คาดถึงเดือนสิงหาคม 2562จะยังมีวงเงินเหลือกว่า 3.8หมื่นล้านบาท พร้อมให้ตัดสินใจจะยังคงอุดหนุนราคาไบโอดีเซลบี20 สูงกว่า บี7 ในอัตรา 5บาทต่อลิตร ต่อไปหรือไม่
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ได้รับทราบรายงานฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2562 ว่ามีฐานะสุทธิ 35,911 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 42,011 ล้านบาท ขณะที่บัญชีแอลพีจี ติดลบ 6,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเข้าไปดูแลราคาแอลพีจีก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ถึงกรอบที่กำหนดให้ติดลบได้ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท โดยแนวโน้มราคาแอลพีจีที่ลดลง จะทำให้อัตราการอุดหนุนจากกองทุนฯในเดือนสิงหาคมลดลงเหลือ 6,046 ล้านบาท และฐานะกองทุนน้ำมันฯ จะมีฐานะสุทธิอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้รับทราบมาตรการส่งเสริมน้ำมันไบโอดีเซลบี20 (ดีเซลที่มีส่วนผสมน้ำมันปาล์มบี100 ใน สัดส่วน 20%) ที่ยังมีการอุดหนุนราคาให้สูงกว่า บี7ในอัตรา 5 บาทต่อลิตร และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 จากนั้นการอุดหนุนจะเหลือเพียง 3 บาทต่อลิตร เพื่อรอให้รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ที่จะเป็นประธานกบง. พิจารณาว่าจะขยายระยะเวลาการอุดหนุนราคาให้มีส่วนต่าง5บาทต่อลิตร ต่อไปหรือไม่
โดยการอุดหนุนให้ราคาไบโอดีเซลบี20 ต่างจากบี7 ในอัตรา5บาทต่อลิตร นั้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้ไบโอดีเซลบี20 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 อยู่ที่ 0.9 ล้านลิตรต่อเดือน จนถึง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ที่ 121 ล้านลิตรต่อเดือน หรือประมาณ 4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานพอใจ
อย่างไรก็ตามการอุดหนุนราคาไบโอดีเซลบี20 ต่อโดยให้ราคาแตกต่างจากบี7 ในระดับ5บาทต่อลิตรนั้น อาจจะทำให้กองทุนน้ำมันติดลบเพิ่ม จากปัจจุบันที่อยู่ในจุดที่สมดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายแล้ว