ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ (7 พ.ค.2567) เห็นชอบมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนใช้งบประมาณกลางช่วยเหลือจำนวน 1,800 ล้านบาท ส่วนดีเซล และ LPG ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนต่อ แต่ขยับเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Enegy News Center -ENC ) รายงานว่า วันนี้(7 พ.ค. 2567) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ทั้งในส่วนของราคาน้ำมันดีเซล ราคาก๊าซ LPG และค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
ทั้งนี้ มาตรการการตรึงราคาน้ำมันดีเซล กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันที่ระดับราคาขายปลีกอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร ราคาก๊าซ LPG ยังตรึงไว้ที่ 423 บาท ต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม และ ค่าไฟฟ้าช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยที่จะจ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 3.99 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
โดยในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางนั้นจะใช้งบประมาณกลาง จำนวน 1,800 ล้านบาท ส่วนการตรึงราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซLPG จะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อัพเดทล่าสุด ณ วันที่ 28 เมษายน 2567 ติดลบอยู่ 107,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 60,145 ล้านบาท และบัญชีLPG ติดลบ 47,455 ล้านบาท ทั้งนี้การขยับเพดานราคาดีเซลขึ้นมาเป็น 33 บาทต่อลิตร นั้น จะช่วยลดภาระการชดเชยราคาดีเซล ที่ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ยังมีการชดเชยอยู่ที่ลิตรละ 3.58 บาท ซึ่งหมายความว่าราคาดีเซล ที่ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 30.94 บาท จะทยอยปรับขึ้นได้อีก 2 บาทต่อลิตร หากต้นทุนราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้น