ข้าราชการกระทรวงพลังงานปรับแผนเตรียมความพร้อมรับ “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่หลังเลือกไปนั่งทำงานที่ “บ้านพิบูลธรรม” กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน “แทนอาคารเอ็นเนอยี่คอมเพล็กซ์ ตึก บี หรือตึกเอ็นโก้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงพลังงาน ในปัจจุบัน โดยห้องทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เดิมอยู่ชั้น 25 จะใช้เป็นห้องทำงานของที่ปรึกษารัฐมนตรีแทน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานว่าข้าราชการกระทรวงพลังงานอยู่ในระหว่างการปรับแผนเตรียมความพร้อมรับการเข้ามานั่งทำงานของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้แจ้งเบื้องต้นว่าจะเข้ามาเริ่มนั่งทำงานในสัปดาห์หน้าหลังจากที่รัฐบาลมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 11 กันยายน 2566 นี้ แต่จะเปลี่ยนสถานที่ทำงาน จากชั้น 25 อาคารเอ็นเนอยี่คอมเพล็กซ์ ตึก บี หรือตึกเอ็นโก้ ที่เป็นห้องทำงานเดิมของรัฐมนตรีพลังงานที่ผ่านๆมา ไปนั่งทำงานที่ บ้านพิบูลธรรม เชิงสะพานกษัตริย์ศึก ริมถนน พระรามที่ 1 เขตปทุมวัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานแทน ทำให้จะต้องมีการย้ายสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามไปทำงานด้วย รวมทั้งการจัดเตรียมความพร้อมเรื่องสถานที่รองรับการประชุมที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน ได้ย้ายที่ทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สำนักงานปลัดกระทรวง กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มารวมอยู่ด้วยกันที่ตึกเอ็นโก้ อาคารบี ตั้งแต่ปี 2554 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพื่อความสะดวกและคล่องตัวในการทำงาน ประหยัดเวลาในการเดินทาง การนัดหมายประชุม และเป็นการสื่อความเรื่องการประหยัดพลังงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนสุดท้ายที่นั่งทำงานที่ “บ้านพิบูลธรรม” คือ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส่วนรัฐมนตรีพลังงานคนถัดมา อีก 8 คนนับตั้งแต่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ล้วนแต่นั่งทำงานที่ตึกเอ็นโก้มาโดยตลอด การย้อนกลับไปนั่งทำงานที่บ้านพิบูลธรรม ของนายพีระพันธ์ จึงเป็นเหมือนการย้อนเวลากลับไปสู่บรรยากาศ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
สำหรับประวัติโดยย่อ ของบ้านพิบูลธรรม เดิมชื่อบ้านนนที เริ่มก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี 2440 บนขนาดพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่
ผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดผิดเป้าหมาย มาลงที่ตัวบ้าน ทำให้ได้รับความเสียหายหนักสุด ทางเจ้าของบ้านในตอนนั้นคือ หม่อมหลวงปีกทิพย์ มาลากุล ซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมไม่ไหว จึงได้เสนอขายให้รัฐบาล จนปี 2498 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้อนุมัติให้โรงงานยาสูบซื้อเอาไว้เป็นสถานที่ราชการ และเปลี่ยนชื่อจากบ้านนนที เป็นบ้านพิบูลธรรม
บ้านพิบูลธรรม ถูกใช้เป็นบ้านรับรองของรัฐบาล จนวันที่ 13 กรกฏาคม 2502 การพลังงานแห่งชาติ (ปัจจุบันเปลี่ยนบทบาทเป็นกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้กระทรวงพลังงาน) ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่บ้านพิบูลธรรม จนถึงปัจจุบัน
โดยหลังจากที่ กระทรวงพลังงานย้ายที่ทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงและสำนักปลัด ไปอยู่ที่เอ็นโก้ บี เมื่อปี 2554 ทาง พพ.ได้เปิดให้บ้านพิบูลธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ต้องขอติดต่อเยี่ยมชม เป็นการเฉพาะ
–