รัฐมนตรีพลังงาน ขอความร่วมมือ ปตท. ลดราคาก๊าซNGV 3 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยจะนำเข้าไปหารือในที่ประชุม กบง. หลังจากนั้น ฝ่ายบริหารปตท.จะเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติต่อไป
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้หารือกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เพื่อขอความร่วมมือให้ลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)ให้กับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ 3 บาทต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา3เดือน จากเดิม ที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2563 ได้มีมติให้ตรึงราคา NGV ทั้งกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ13.62 บาทต่อกิโลกรัม และรถทั่วไปที่ 15.31 บาทต่อกิโลกรัม บุุ
ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะด้วย
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุม กบง. ในวันที่ 25 มี.ค. 2563 นี้ จะมีการหารือมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เบื้องต้นจะขอความร่วมมือให้ ปตท.เข้ามาช่วยเหลือลดราคา NGV 3 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมที่ กบง.ให้ตรึงราคาไว้ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ก็จะลดลงเหลือ 10.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้จะต้องหารือว่าจะช่วยเหลือไปถึงกลุ่มรถบรรทุกด้วยหรือไม่ และวงเงินที่ ปตท.จะช่วยเหลือได้เท่าไหร่ เป็นต้น
โดยภายหลังการหารือของ กบง.แล้ว ทาง ปตท.จะต้องนำเรื่องการช่วยเหลือดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ(บอร์ด) ปตท. เพื่อพิจารณาอนุมัติการให้เงินช่วยเหลือดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า สำหรับมติที่ประชุม กบง.เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาได้เห็นชอบให้ความช่วยเหลือราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถทั่วไป โดยขอความร่วมมือ ปตท.ให้คงราคาขายปลีก NGV ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับรถโดยสารสาธารณะ (ในเขต กทม./ปริมณฑล: รถแท็กซี่/ตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด: รถโดยสาร/มินิบัส/สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่) ต่อไปอีก 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ก.ค. 2563) และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV รถทั่วไปที่ 15.31 บาท/กิโลกรัม ต่อไปอีก 5 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 15 ส.ค. 2363) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายจากวิกฤติไวรัส COVID-19 และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายก๊าซ NGV การคมนาคม ขนส่ง และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ จึงต้องขอความร่วมมือช่วยเหลือประชาชนในช่วงนี้ต่อไปก่อน