กองทุนน้ำมันฯ เตรียมปิดจ๊อบหนี้ช่วงวิกฤติพลังงานปี 2565 ที่เหลืออีก 4.3 หมื่นล้านบาท ภายใน 21 ก.ค. 2566 นี้

392
- Advertisment-

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เตรียมปิดจ๊อบหนี้ที่เหลืออีก 4.3 หมื่นล้านบาท จากวิกฤติราคาดีเซลและ LPG ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา คาดชำระหมดภายในวันที่ 21 ก.ค. 2566 นี้ โดยวางแผนใช้เงินกู้อีก 2 หมื่นล้านบาท และเงินฝากอีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนที่ไหลเข้ากองทุนฯ มาจ่ายคืน ชี้หลังจากนี้จะเหลือแค่หนี้กู้ยืมจากสถาบันการเงินที่มีประมาณ 7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น    

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center -ENC) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงิน 20,000 ล้านบาท เมื่อกลางเดือน พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา และนำไปชำระหนี้ผู้ค้า ม.7 ทั้งหมดแล้ว แต่เดิมกองทุนฯ เป็นหนี้ผู้ค้า ม. 7 จากการพยุงราคาดีเซลและก๊าซหุงต้ม(LPG) ในช่วงวิกฤติราคาพลังงานตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา รวมกว่า 1 แสนล้านบาท และทยอยใช้หนี้คืนจนปัจจุบันยังเหลือหนี้อีก 43,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจำนวนหนี้ 43,000 ล้านบาทดังกล่าว ทาง สกนช.วางแผนจะใช้เงินจาก 2 ส่วนคือ 1. เงินกู้จากสถาบันการเงินรอบใหม่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องกู้เงิน คาดว่าจะได้เงินในเดือน มิ.ย. 2566 นี้  และ 2. เงินสดในธนาคาร รวมถึงเงินฝากที่เก็บไว้ที่กระทรวงการคลังอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนที่เตรียมนำมาชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่ากองทุนฯ จะชำระหนี้อีก 43,000 ล้านบาทได้หมดภายในวันที่ 21 ก.ค. 2566 นี้  

- Advertisment -

ปัจจุบันกองทุนฯ ไม่มีหนี้ใหม่เพิ่มเข้ามา เนื่องจากไม่ได้ชดเชยราคาน้ำมันแล้ว และยังเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกประเภทเข้ากองทุนฯ ด้วย ส่วน LPG แม้จะมีการชดเชยราคาประมาณ 1 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก็ยังมีเงิน LPG ส่งเข้ากองทุนฯ ด้วย ส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าประมาณวันละ 443 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการหมุนเวียนจ่ายหนี้ประจำสัปดาห์ได้ จึงไม่ได้มีหนี้ใหม่เพิ่มเติม ยกเว้นหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินเท่านั้น

สำหรับภาพรวมการกู้เงินจากสถาบันการเงินนั้น รัฐบาลกำหนดกรอบให้กู้เงินได้ไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ได้บรรจุหนี้สาธารณะให้ สกนช.ทำเรื่องกู้ได้ในรอบแรก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกู้และใช้เงินหมดแล้ว ส่วนรอบ 2 อีก 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งกู้และใช้หมดแล้ว 2 หมื่นล้านบาท  และอยู่ระหว่างทำเรื่องกู้อีก 2 หมื่นล้านบาท โดยรวมจะเป็นเงินกู้จริงทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านบาท

ส่วนที่เหลือจะกู้ต่อหรือไม่นั้น ทาง สกนช. ขอพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ทั้งการประชุมโอเปคพลัส การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ในเดือน มิ.ย. 2566 นี้ก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาได้ว่าจะกู้ต่อหรือจะหยุดกู้เงินชั่วคราว

อย่างไรก็ตามจากกรณีมีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังจะกลับมาเรียกเก็บภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตรนั้น  สกนช.ได้จัดทำแบบจำลองสถานการณ์เงินกองทุนฯ กรณีกระทรวงการคลังจะกลับมาเก็บภาษีดีเซลอีก 5 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีในวันที่ 20 ก.ค. 2566 เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) พิจารณาในหลายกรณี ทั้งกรณีการชดเชยภาษีดีเซลแทนประชาชนทั้งหมด รวมถึงการปรับขึ้นราคาดีเซลในอนาคต แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดปรับขึ้นราคาดีเซลแต่อย่างใด

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 21 พ.ค. 2566 กองทุนฯ ติดลบรวม 72,731 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 26,111 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 46,620 ล้านบาท   

Advertisment