กรมธุรกิจพลังงาน เรียกผู้ประกอบการโรงกลั่นหารืออีกรอบ เร่งปรับปรุงโรงกลั่นผลิตน้ำมันมาตรฐานยุโรป5 (ยูโร5) ให้เสร็จก่อน 5 ปี ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ระบุดำเนินการได้เฉพาะน้ำมันดีเซลและเบนซินบางชนิดก่อน โดย ปตท. มั่นใจปรับปรุงโรงกลั่นผลิตยูโร5 ให้เสร็จก่อน 5 ปีทำได้ แต่นโยบายรัฐต้องชัดเจนและผู้ประกอบการทุกรายต้องดำเนินการพร้อมกัน
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เชิญผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน หารืออีกครั้งเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562 เพื่อขอความร่วมมือในการเร่งรัดปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรฐานยุโรป5 หรือ ยูโร 5 ให้เสร็จก่อน 5 ปี ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการ ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) โดยในส่วนของผู้ประกอบการโรงกลั่นเห็นว่าหากดำเนินการให้เสร็จก่อน 5 ปีจะส่งผลกระทบทางเทคนิคหลายประการ ซึ่งภาครัฐจะต้องเข้ามาให้การสนับสนุนด้วย รวมถึงต้นทุนที่อาจสูงขึ้นจากเดิมที่คาดว่าต้องใช้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาท สำหรับการปรับปรุงโรงกลั่นทั้งหมด 6 โรงในประเทศไทย
นอกจากนี้การหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการโรงกลั่นยังพบว่า การปรับปรุงโรงกลั่นให้ผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 เพื่อจำหน่าย ให้สำเร็จก่อน 5 ปีนั้น สามารถทำได้เฉพาะน้ำมันบางชนิดก่อน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและเบนซิน ซึ่งก็พบว่าปัญหาต่อมาคือ การที่มีมาตรฐานน้ำมันมากกว่า 1 ประเภท นั้นจะกระทบต่อการใช้ท่อส่งน้ำมันที่บางรายใช้ท่อเดียวกันในการขนส่ง และอาจทำให้คุณภาพน้ำมันไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย
ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปตท.เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการปรับปรุงโรงกลั่นให้ผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร5 ให้เสร็จก่อน 5 ปี ซึ่งช่วยลดปัญหาซัลเฟอร์ออกไซด์ในอากาศได้ แต่การปรับปรุงโรงกลั่นต้องใช้เงินลงทุนหลายล้านบาท เพราะแต่ละรายออกแบบโรงกลั่นมาแตกต่างกัน อย่างเช่น ปตท.ออกแบบโรงกลั่นแบบต่อยอดกับธุรกิจปิโตรเคมีได้ จึงต้องใช้เงินและเวลาในการปรับปรุงพอสมควร แต่ที่สำคัญผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐกำหนดนโยบายมาตรฐานน้ำมันในประเทศให้ชัดเจนเสียก่อน รวมทั้งต้องกำหนดให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนพร้อมกันด้วย
สำหรับการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลB20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20% ในทุกลิตร) ในปั๊ม ปตท.นั้น ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายอยู่ 32 จุด แบ่งเป็นในปั๊มน้ำมัน 5 จุด, ในจุดเติมน้ำมันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ(ขสมก.)20 จุด,จุดเติมน้ำมันของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)2 จุด และจุดเติมน้ำมันของรถบรรทุก 5 จุด โดยปัจจุบันมียอดจำหน่ายอยู่ 1.5 ล้านลิตรต่อเดือน แต่หากรวมกับการใช้ของ ขสมก.ที่จะเริ่มใช้ทุกคันในวันที่ 1 ก.พ.2562 อีกจำนวน 5.5 ล้านลิตรต่อเดือน จะทำให้ยอดจำหน่ายB20 ของปตท.เพิ่มเป็น 7 ล้านลิตรต่อเดือน และตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2562 นี้จะมียอดจำหน่ายเป็น 10 ล้านลิตรต่อเดือน