คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบปรับลดราคาขาย LPG หน้าโรงกลั่น ส่งผลราคาขายปลีกปรับลด 45 บาทต่อถัง15 กิโลกรัม มาอยู่ที่ราคา 318 บาท จากเดิมราคา 363 บาท เป็นเวลา 3 เดือน มีผลตั้งแต่ 24 มี.ค. 2563 นี้ พร้อมขอความร่วมมือ ปตท. คงราคาขายปลีก NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ใน 3เดือน ตั้งแต่ 1 พ.ค. – 31 ก.ค. 2563 และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV รถทั่วไปที่ 15.31 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีก 5 เดือน ตั้งแต่ 16 มี.ค. – 15 ส.ค. 2363 หวังบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาไวรัส COVID-19
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง. เห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยกำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม 17.1795 บาท/กิโลกรัม เหลือ 14.3758 บาท/กิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีก LPG ขนาดถัง 15 กิโลกรัม ราคาลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท (ลดลง 45 บาทต่อถัง) เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2563 หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (อบน.) ที่จะมีขึ้นวันที่ 23 มี.ค. 2563 นี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ COVID-19
ทั้งนี้ ในอนาคตกระทรวงพลังงาน สามารถบริหารจัดการ และรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกในประเทศได้ โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามกรอบนโยบายการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พศ.2562
นอกจากนี้ กบง. เห็นชอบให้ความช่วยเหลือราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์( NGV) สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถทั่วไป โดยขอความร่วมมือ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ให้คงราคาขายปลีก NGV ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับรถโดยสารสาธารณะ (ในเขต กทม./ปริมณฑล: รถแท็กซี่/ตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด: รถโดยสาร/มินิบัส/สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่) ต่อไปอีก 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ก.ค. 2563) และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV รถทั่วไปที่ 15.31 บาท/กิโลกรัม ต่อไปอีก 5 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 15 ส.ค. 2363) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดภาวะแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ COVID-19 และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายก๊าซ NGV การคมนาคม ขนส่ง และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ จึงต้องขอความร่วมมือช่วยเหลือประชาชนในช่วงนี้ต่อไปก่อน