รัฐมนตรีพลังงาน เผย รื้อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศ (PDP2018)ใหม่เป็นแผนPDP2018ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 กำหนดสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เปิดทางเอกชนร่วมลงทุน เน้นไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ ชีวมวล ชีวภาพและขยะ เป็นหลัก พร้อมให้ปรับเกณฑ์กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี2563 ให้สอดรับการสนับสนุน มั่นใจประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าราคาถูก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนา “เจาะลึกแผนพีดีพี ทิศทางพลังงานไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่’ ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 31ก.ค.2562 ว่า การปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศพ.ศ.2561-2580 (PDP2018) ครั้งที่1 จะเน้นส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบพลังงานมากขึ้น ด้วยการกำหนดพื้นที่สำหรับสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนขึ้น ตามศักยภาพสายส่งไฟฟ้าที่มีความพร้อม ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะให้เอกชนเข้ามาร่วมกับชุมชนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า และชุมชนสามารถซื้อหุ้นคืนบางส่วนได้ในภายหลัง ซึ่งโรงไฟฟ้าที่จะสร้างขึ้นจะเน้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, ชีวมวล, ชีวภาพและขยะ
อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกำหนดพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าชุมชนและนำกลับมาเสนอเพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้การส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนดังกล่าวจะต้องนำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุน ดังนั้นได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอรับเงินสนับสนุนโครงการภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2563 ใหม่ กรอบวงเงิน 12,000 ล้านบาท โดยปรับปรุงทั้งระเบียบ วิธีการขอวงเงิน องค์กรที่ขอรับเงิน ให้สอดคล้องกับการเกิดพลังงานชุมชน โดยให้นำกลับมาเสนอแนวทางใหม่ภายในสัปดาห์หน้า
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้หารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) พิจารณาแนวทางการใช้เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับนโยบายการทำระดับราคาค่าไฟฟ้าแตกต่างกัน2กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มประชาชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าให้สามารถซื้อไฟฟ้าได้ในราคาถูกกว่าราคามาตรฐาน เนื่องจากเป็นผู้เสียสละพื้นที่ให้สร้างโรงไฟฟ้า และ2.ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกลุ่มนี้ ทางกระทรวงพลังงานกำลังกำหนดแนวทางให้การช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดยการปรับแผนPDP2018ครั้งที่1 ที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากจะส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในระบบไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว ยังต้องปรับให้เป็นไปตามนโยบายที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานไฟฟ้าอาเซียนด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความมั่นคงไฟฟ้าในไทยและภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังเชื่อมโยงให้เกิดการลงทุนด้านไฟฟ้ามากขึ้นและโรงไฟฟ้าชุมชนก็สามารถเข้ามาขายไฟฟ้าในระบบได้อีกด้วย ซึ่งหากปรับแผนPDP2018ได้ในแนวทางดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมถูกลงกว่าแผนPDP2018ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งกำหนดค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.576 บาทต่อหน่วยตลอดแผน20ปี (2561-5280)
นอกจากนี้แผนPDP2018ปรับปรุงครั้งที่1ยังต้องปรับให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีพลังงาน เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน(energy storage) และการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย